วันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากล

วันที่ 28 เมษายนของทุกปี เป็นวันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากล ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organixation: ILO) ได้ชี้ให้เป็นถึงสถิติล่าสุดที่มีผู้เสียชีวิตถึง 2.78 ล้านคนจากอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงานทุกปี และทำการส่งเสริมการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและโรคเกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในระดับโลก

 

สำหรับหัวข้อการรณรงค์ในปีนี้ คือ “วัยแห่งสุขภาพและความปลอดภัย” (Generation Safe & Healthy) ซึ่งเน้นถึงความจำเป็นที่ต้องยุติการใช้แรงงานเด็กเพื่อปรับปรุงด้านสุขภาพและความปลอดภัยจากข้อมูลขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ผู้ปฏิบัติงานที่ดีเป็นเด็กมีจำนวน 541 ล้าน (อายุระหว่าง 15-24 ปี) ซึ่งนับเป็น 15% ของแรงงานที่เป็นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยหลายด้านรวมทั้งการมีความสามารถและประสบการณ์ที่น้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นขณะปฏิบัติงาน

 

การมุ่งไปสู่การมีสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นจะเป็นการช่วยให้เกิดความก้าวหน้าตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเป้าหมายที่ 9 ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งก็คือ การส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน มีการดูแลรักษาและการเติบโตอย่างทั่วถึงหรือลดความเหลื่อมล้ำ การจ้างงานที่สร้างผลผลิตและเป็นงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน

 

เมื่อต้นปีนี้ ISO ได้ประกาศใช้มาตรฐาน ISO 45001- Occupational health and safety management systems – Requirements with guidance for use ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรนำระบบการจัดการไปใช้ปรับปรุงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน โดยไม่คำนึงถึงอายุและเพศแต่อย่างใด

 

มาตรฐานดังกล่าวเป็นการเตรียมกรอบงานให้กับองค์กรในการวางแผนในสิ่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อลดความเสี่ยงของอันตรายทั้งในแง่ของประเด็นสุขภาพในระยะยาวและการขาดงาน รวมถึงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องการให้องค์กรมีกระบวนการด้านการปรึกษาและการมีส่วนรวมสำหรับผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับและทุกหน้าที่งาน ซึ่งหมายความว่าแม้แต่ผู้ปฏิบัติงานที่มีความเปราะบางมากที่สุดก็จะต้องมีสิทธิมีเสียงด้วย

 

มาตรฐานดังกล่าวยังต้องการให้ผู้ใช้งานมองในบริบทองค์กรที่กว้างขึ้น และไม่เพียงแต่เน้นสำหรับลูกจ้างภายในเท่านั้น เดวิด สมิธ ประธานคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอ ISO/TC 283 ที่พัฒนามาตรฐานดังกล่าวระบุว่า “องค์กรจะต้องคำนึงถึงผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์ด้วย ซึ่งเป็นการโฟกัสไปยังเงื่อนไขที่กว่างกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องของลูกจ้างภายในองค์กรเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าองค์กรไม่สามารถผลักภาระเรื่องความเสี่ยงไปยังหน่วยงานภายนอกได้”

 

เซอร์จิโอ มูจิก้า เลขาธิการของไอเอสโอหรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานได้กระตุ้นให้องค์กรทั่วโลกไตร่ตรองอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน เขากล่าวว่า “ทุกๆวันมีคนเกือบ 8,000 คน ต้องประสบกับการบาดเจ็บและเกิดโรคภัยอันเนื่องมากจากการทำงานโดยไม่จำเป็น ซึ่งมาตรฐานใหม่ ISO 45001 ของไอเอสโอ มีการจัดเตรียมวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ช่วยให้องค์กรสามารถลดจำนวนผู้ปฏิบัติงานที่ประสบกับการบาดเจ็บและเกิดโรคภัยจากการทำงานได้ แต่ในการที่จะสร้างความแตกต่างนี้ องค์กรจะต้องมีความเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงด้วย ด้วยเหตุนี้ เนื่องในโอกาสวันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากลจึงขอสนับสนุนให้องค์กรทุกองค์กรนำมาตรฐาน ISO 45001 ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่เป็นองค์กรประเภทใด หรืออยู่ในประเทศใด”

 

มาตรฐาน ISO 45001 นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลไลหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้องค์กรและผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่ดีในการปฏิบัติงาน ซึ่งองค์กรทุกองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ไม่เพียงแต่เฉพาะวันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสากลเท่านั้น แต่จะต้องให้ความสำคัญตลอดเวลาที่มีการปฏิบัติงานด้วย หากทุกองค์กรทำได้ ก็จะมีส่วนทำให้ลดปัญหาอุบัติเหตุและปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทำงานลงได้อย่างแน่นอน

 

ขอขอบคุณ ที่มา : www.masciinnoversity.com